เมื่อสองวันก่อน เขียนเรื่องปัญหานักท่องเที่ยวจีนซึ่งก่อเรื่องราวสารพัดในการเข้ามาท่องเที่ยวในบ้านเรา โดยเรียกร้องว่า อย่าสร้างกระแสเกลียดชังอย่างเหมารวม ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นอารมณ์ชาตินิยมสุดโต่ง ขัดแย้งกันทางเชื้อชาติบานปลายไปเปล่าๆ
รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐ ต้องเร่งแก้ปัญหา เพื่อความสงบสุขร่วมกันทุกฝ่าย
หลังจากนั้นมีผู้อ่านให้ข้อมูลและมุมมองต่อเรื่องนี้กันมากมายทีเดียว
ส่วนใหญ่เห็นว่า ภาครัฐควรเร่งทำป้ายหรือแผ่นพับแจกจ่ายเป็นภาษาจีน เพื่อทำความเข้าใจในกฎระเบียบต่างๆ อย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคนไทยเจ้าบ้าน
อย่างบางราย จอดรถอยู่ริมถนนตามปกติ หันไปดูอีกที เห็นอาตี๋น้อยกำลังฉี่อยู่ที่ข้างรถ
ไปจนถึงนักท่องเที่ยวจีนที่ขับรถเข้ามาเอง สร้างความปั่นป่วนหวาดเสียวบนท้องถนนมากมาย
พูดง่ายๆ ว่า ในยุคที่บ้านเราถูกปิดกั้นเศรษฐกิจ รายได้จากการท่องเที่ยวจึงเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นรัฐต้องทุ่มเทจัดการให้ลงตัว!
บางรายยังเสนอว่า กรณีคลิปที่แฉนักท่องเที่ยวจีนล้างเท้าในอ่างล้างมือนั้น
แปลว่า การจัดบริการในสถานที่ท่องเที่ยวของเรายังไม่ดีพอเอง เมื่อเป็นพื้นที่ชายหาด เท้าต้องติดทราย ควรต้องจัดหาที่ล้างเท้าให้นักท่องเที่ยวไม่ใช่หรือ
ขณะเดียวกัน มีข้อมูลจากผู้ประกอบกิจการบริการท่องเที่ยว
ฉีกไปอีกประเด็น
บอกว่า ตัวเลขรวมของนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทย ซึ่งรัฐบาลและคสช.ยังพูดจาอย่างภาคภูมิใจว่าไม่ได้ลดน้อยลง
คุยว่ากฎอัยการศึกไม่มีผลกระทบ!?!
เขาโต้แย้งว่าไม่จริง อย่ามัวแต่ดูตัวเลขรวม เพราะแม้ไม่ลดลง แต่แปรเปลี่ยนไป
จำนวนนักท่องเที่ยวยุโรปกระเป๋าหนักหายไปมาก เพราะเดินทางมาไทยภายใต้กฎอัยการศึก ย่อมไม่มีบริษัทประกันชีวิตที่ไหนยอมให้บริการ
ยุโรปหายไป ที่มาทดแทนคือทัวร์จีน ซึ่งประหยัด ไม่จับจ่ายมากนัก
รายได้เข้าประเทศพอสมควร แต่ไม่เท่ากับยุคก่อนขัดแย้งการเมืองหนัก จนมีปฏิวัติและอัยการศึก
จีนไม่เข้าพักโรงแรมหรูหรา ไม่ซื้อสินค้าราคาแพง
อย่างเจ้าของกิจการรถลิมูซีน รับเหมานักท่องเที่ยว แทบเจ๊งไปตามๆ กัน รถเก๋ง รถตู้ จอดกันฝุ่นเขรอะ
จอดเฉยๆ ไม่มีลูกค้า ยังถูกตำรวจจราจรแวะมาออกใบสั่งข้อหานู่นนี่เข้าให้อีก
ยุครัฐบาลทหารเข้มงวด จนแม้แต่ตำรวจเองก็ไม่มีเงินจะใช้ทำงานสืบจับผู้ร้าย
เลยมาเน้นหนักค่าปรับจราจร เดือดร้อนกันถ้วนหน้าจริงๆ!
รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐ ต้องเร่งแก้ปัญหา เพื่อความสงบสุขร่วมกันทุกฝ่าย
หลังจากนั้นมีผู้อ่านให้ข้อมูลและมุมมองต่อเรื่องนี้กันมากมายทีเดียว
ส่วนใหญ่เห็นว่า ภาครัฐควรเร่งทำป้ายหรือแผ่นพับแจกจ่ายเป็นภาษาจีน เพื่อทำความเข้าใจในกฎระเบียบต่างๆ อย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคนไทยเจ้าบ้าน
อย่างบางราย จอดรถอยู่ริมถนนตามปกติ หันไปดูอีกที เห็นอาตี๋น้อยกำลังฉี่อยู่ที่ข้างรถ
ไปจนถึงนักท่องเที่ยวจีนที่ขับรถเข้ามาเอง สร้างความปั่นป่วนหวาดเสียวบนท้องถนนมากมาย
พูดง่ายๆ ว่า ในยุคที่บ้านเราถูกปิดกั้นเศรษฐกิจ รายได้จากการท่องเที่ยวจึงเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นรัฐต้องทุ่มเทจัดการให้ลงตัว!
บางรายยังเสนอว่า กรณีคลิปที่แฉนักท่องเที่ยวจีนล้างเท้าในอ่างล้างมือนั้น
แปลว่า การจัดบริการในสถานที่ท่องเที่ยวของเรายังไม่ดีพอเอง เมื่อเป็นพื้นที่ชายหาด เท้าต้องติดทราย ควรต้องจัดหาที่ล้างเท้าให้นักท่องเที่ยวไม่ใช่หรือ
ขณะเดียวกัน มีข้อมูลจากผู้ประกอบกิจการบริการท่องเที่ยว
ฉีกไปอีกประเด็น
บอกว่า ตัวเลขรวมของนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทย ซึ่งรัฐบาลและคสช.ยังพูดจาอย่างภาคภูมิใจว่าไม่ได้ลดน้อยลง
คุยว่ากฎอัยการศึกไม่มีผลกระทบ!?!
เขาโต้แย้งว่าไม่จริง อย่ามัวแต่ดูตัวเลขรวม เพราะแม้ไม่ลดลง แต่แปรเปลี่ยนไป
จำนวนนักท่องเที่ยวยุโรปกระเป๋าหนักหายไปมาก เพราะเดินทางมาไทยภายใต้กฎอัยการศึก ย่อมไม่มีบริษัทประกันชีวิตที่ไหนยอมให้บริการ
ยุโรปหายไป ที่มาทดแทนคือทัวร์จีน ซึ่งประหยัด ไม่จับจ่ายมากนัก
รายได้เข้าประเทศพอสมควร แต่ไม่เท่ากับยุคก่อนขัดแย้งการเมืองหนัก จนมีปฏิวัติและอัยการศึก
จีนไม่เข้าพักโรงแรมหรูหรา ไม่ซื้อสินค้าราคาแพง
อย่างเจ้าของกิจการรถลิมูซีน รับเหมานักท่องเที่ยว แทบเจ๊งไปตามๆ กัน รถเก๋ง รถตู้ จอดกันฝุ่นเขรอะ
จอดเฉยๆ ไม่มีลูกค้า ยังถูกตำรวจจราจรแวะมาออกใบสั่งข้อหานู่นนี่เข้าให้อีก
ยุครัฐบาลทหารเข้มงวด จนแม้แต่ตำรวจเองก็ไม่มีเงินจะใช้ทำงานสืบจับผู้ร้าย
เลยมาเน้นหนักค่าปรับจราจร เดือดร้อนกันถ้วนหน้าจริงๆ!
ขอบคุณข้อมูลจาก khaosod
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น